- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- เลคเชอร์กฎหมาย
- วิ่งราวทรัพย์ ป.อ. มาตรา 336
วิ่งราวทรัพย์ ป.อ. มาตรา 336
#เลคเชอร์กฎหมาย
#กฎหมายอาญา
#มาตรา336
#วิ่งราว
▶️ วิ่งราวทรัพย์ ป.อ. มาตรา 336
1️⃣ ต้องเริ่มต้นมาจากความผิด “ฐานลักทรัพย์ ม.334” ก่อน
‼️ ดังนั้น ถ้าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นการลักทรัพย์ เช่น ประสงค์จะเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปทำลาย ทำให้เสียหายเท่านั้น แม้จะมีกริยาประกอบ โดยเป็นการ “ฉกฉวยเอาซึ่งหน้าก็ตาม” คงเป็นได้แค่ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ (ฎ.112/2554)
2️⃣ ต้องเป็นการลักทรัพย์ โดย “ฉกฉวยเอาซึ่งหน้า”
📍ฉกฉวย คือ กริยาอาการที่หยิบหรือจับเอาไป ไม่ว่าโดยเร็วหรือไม่เร็วก็ตาม หรือกระชากเอาทรัพย์ไปโดยเร็ว เช่น ดึงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง (ฎ.10976/2554), กระตุกสร้อยคอจากทางด้านหลัง (ฎ.1315/1513), เข้าไปในร้านค้าแล้วหยิบขวดสุราออกมาต่อหน้าต่อตา แม้ไม่ได้เอาไปอย่างรวดเร็วก็ตาม (ฎ.919/2503)
📍ซึ่งหน้า (ต้องไม่เผลอ/ต่อหน้าฉัน/ก่อนสำเร็จ/ปกป้องได้) หมายถึง ทรัพย์ที่ฉกฉวยอยู่กับตัวผู้ครอบครอง หรือใกล้ชิดกับตัวผู้ครอบครอง หรือตัวผู้ครอบครองแทน และในขณะที่ถูกฉกฉวย ผู้ครอบครองหรือผู้ครอบครองแทนได้เห็นหรือรู้สึกถึงการฉกฉวยเอาทรัพย์นั้นไป (กระทำในลักษณะอุกฉกรรจ์) ดังนั้น ถ้าเอาทรัพย์ไปในขณะเจ้าทรัพย์เผลอ (ฎ.653/2553), เจ้าทรัพย์หรือผู้ครอบครองไม่เห็นขณะผู้กระทำความผิดลักทรัพย์ แม้จะมีบุคคลอื่นเห็นก็ตาม (ฎ.888/2516) เป็นการเห็นเพียงขณะคนร้ายพาทรัพย์หนี ซึ่งเป็นเวลาภายหลังการลักทรัพย์ได้สำเร็จลงไปแล้ว (ฎ.893/2487), จุดเกิดเหตุอยู่ไกลเกินไป เจ้าทรัพย์ไม่สามารถปกป้องทรัพย์ของตนได้อย่างทันท่วงที เช่น ผู้กระทำความผิดอยู่ปลายนา, อยู่อีกฟากหนึ่งของถนน (ฎ.10344/2550 เหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า
❤️ ข้อสังเกต
1) การฉกฉวยนั้น “แม้จะมิได้กระทำต่อหน้า แต่กระทำจากด้านหลัง” ก็เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้าเช่นกัน (แม้จะเป็นการกระทำจากด้านหลังก็ตาม) เช่น กระตุกสร้อยทางด้านหลัง แต่เจ้าทรัพย์รู้สึกตัวและเห็นเหตุการณ์ ถือว่าเป็นการกระทำซึ่งหน้า (ฎ.1315/2531), จำเลยดึงเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่จากกระเป๋ากางเกงของเด็กหญิง บ. แล้วเด็กหญิง บ. รู้สึกถึงการถูกดึงจึงใช้มือจับจนถูกมือของจำเลย จึงอยู่ในความหมายของการลักทรัพย์โดยการฉกฉวยเอาซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามฟ้องแล้ว (ฎ.10976/2554)
2) ***กรณีเจ้าทรัพย์หลับอยู่ แม้จะมีการลักทรัพย์ข้างหน้าเจ้าทรัพย์ ก็มิใช่การฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ไม่ผิดวิ่งราวทรัพย์ ม.336 แต่การชิงทรัพย์ในขณะผู้เสียหายหลับอยู่มีได้ เช่น จำเลยบีบนิ้วมือของผู้เสียหายเบา ๆ เพื่อความสะดวกในการปลดแหวนออกจากนิ้วของผู้เสียหาย โดยขณะบีบนิ้วมือนั้นผู้เสียหายก็ยังคงหลับอยู่ไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด
3️⃣ การวิ่งราวทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ วรรค 2/ อันตรายสาหัส วรรค 3/ ถึงแก่ความตาย วรรค 4 (ผลฉกรรจ์ = ผลตามธรรมดาที่ย่อมเกิดขึ้นได้ ตาม มาตรา 63)
🔥หากมีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีเจตนาพิเศษ... ตาม มาตรา 339 ภายหลังจากการวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งยังไม่ขาดตอนจากกัน การกระทำของผู้กระทำจากวิ่งราวทรัพย์ อาจแปลเปลี่ยนเป็นผิดชิงทรัพย์ ก็ได้ (ฎ.1347/2549)
🔥เจตนาเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปเกิดขึ้นหลังจากทำร้ายร่างกายผู้อื่นแล้ว จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ฎ.3520/2561 จำเลยมิได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยมีเจตนาเอาสร้อยข้อมือทองคำของผู้เสียหายไป แต่จำเลยกระชากเอาสร้อยข้อมือทองคำของผู้เสียหายไปเป็นเจตนาที่เกิดขึ้นหลังจากที่จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยมิได้เป็นการลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย อันจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตอนหนึ่งและกระชากเอาสร้อยข้อมือทองคำของผู้เสียหายไปโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าอีกตอนหนึ่ง
#อย่าลืมกดไลก์ กดแชร์ แบ่งปันความรู้ให้เพื่อน ๆ ด้วยนะคะ