- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- เลคเชอร์กฎหมาย
- ประมวลกฎหมายอาญา ปลอมแปลงเอกสาร "คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5612/2567"
ประมวลกฎหมายอาญา ปลอมแปลงเอกสาร "คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5612/2567"
#ฎีกาใหม่ #ฎีกากฎหมายอาญา
#ฎีกาวิอาญา #สอบอัยการผู้ช่วย
#สอบเนติ #สอบผู้พิพากษา
🔺โจทก์ร่วมรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 กรอกข้อความและลงลายมือชื่อโจทก์ร่วมปลอมในคำขอกู้ยืมเงิน/หนังสือกู้ยืมเงิน/หนังสือสัญญาค้ำประกันโครงการช่วยเหลือสมาชิกที่ประสบภาวะความเดือดร้อนด้านการเงินพร้อมด้วยหนังสือยินยอมให้หักเงินปันผล – เฉลี่ยคืน หรือเงินอื่นใดที่พึงจะได้รับจากสหกรณ์ออมทรัพย์ ก. จำกัด กับคำขอและหนังสือกู้เงินเพื่อเหตุฉุกเฉิน และโจทก์ร่วมเป็นผู้รับเงินกู้ทั้งสองจำนวนไป เช่นนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยที่ 2 โจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้
🔺แม้เอกสารการกู้ยืมเงินใช้ชื่อเอกสารทำนองว่าเป็นคำขอกู้ยืมเงินและเนื้อหาเข้าใจได้ว่าผู้เสียหายที่ 1 จะต้องพิจารณาตามคำขอกู้เสียก่อนว่าจะอนุมัติให้กู้ยืมเงินหรือไม่ อันมีลักษณะเป็นคำเสนอก็ตาม แต่ชื่อเอกสารระบุว่าเป็นหนังสือกู้ยืมเงินกับหนังสือกู้เงินและเนื้อหาในเอกสารระบุว่าผู้เสียหายที่ 2 ตกลงผูกพันเป็นผู้กู้และจะชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้เสียหายที่ 1 ในฐานะผู้ให้กู้ แสดงว่าคู่สัญญาประสงค์ให้ใช้เอกสารฉบับเดียวกันเป็นทั้งคำขอกู้และสัญญากู้ยืมเงินในคราวเดียวเป็นหลักฐานแห่งการก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้เสียหายที่ 1 และผู้เสียหายที่ 2 โดยสภาพของเอกสารถือได้ว่าเป็นเอกสารสิทธิ ตาม ป.อ. มาตรา 1 (9) แล้ว แม้ขณะจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อปลอมของผู้เสียหายที่ 2 ในคำขอกู้ยืมเงินและหนังสือกู้เงินผู้เสียหายที่ 1 ยังไม่ได้อนุมัติให้ผู้เสียหายที่ 2 กู้เงิน ก็ไม่ทำให้เอกสารการกู้ยืมเงินนั้นไม่เป็นเอกสารสิทธิ
🔺แม้ในขณะจำเลยที่ 2 กรอกข้อความและลงลายมือชื่อผู้เสียหายที่ 2 ปลอม ยังไม่มีการนำเอกสารการกู้ยืมเงินไปแสดงต่อผู้เสียหายที่ 1 ก็ดี ผู้เสียหายที่ 2 มีเจตนากู้ยืมเงินจากผู้เสียหายที่ 1 ก็ดี จำเลยที่ 2 ไม่ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำก็ดี แต่พฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่ 2 น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 1 ครบองค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตาม ป.อ. มาตรา 264 วรรคแรก (เดิม), 265 (เดิม) แล้ว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5612/2567)