- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- เลคเชอร์กฎหมาย
- คำถาม : ผู้ให้กู้กรอกจำนวนเงินตรงตามความเป็นจริงที่กู้ยืมกัน หากตอนกรอกไม่ได้รับความยินยอมจากผู้กู้ จะส่งผลกระทบต่อหลักฐานของสัญญากู้ยืมเงินหรือไม่ ?
คำถาม : ผู้ให้กู้กรอกจำนวนเงินตรงตามความเป็นจริงที่กู้ยืมกัน หากตอนกรอกไม่ได้รับความยินยอมจากผู้กู้ จะส่งผลกระทบต่อหลักฐานของสัญญากู้ยืมเงินหรือไม่ ?
#กู้ยืมเงิน #แพ่ง #เนติบัณฑิต #สอบผู้ช่วยผู้พิพากษา #สอบอัยการผู้ช่วย #สอบงานราชการ
คำถาม : ผู้ให้กู้กรอกจำนวนเงินตรงตามความเป็นจริงที่กู้ยืมกัน หากตอนกรอกไม่ได้รับความยินยอมจากผู้กู้ จะส่งผลกระทบต่อหลักฐานของสัญญากู้ยืมเงินหรือไม่ ?
คำตอบ : ไม่ส่งผล หากหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 ย่อมใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้
กรณีที่ผู้ให้กู้กรอกจำนวนเงินตรงตามความเป็นจริงที่กู้ยืมกันก็ไม่เป็นเอกสารปลอม และใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้ แม้จะไม่ได้รับความยินยอมจากผู้กู้ก็ตาม ส่วนการกรอกข้อความอื่น ๆ เช่น วันทำสัญญา วันที่หนี้ถึงกำหนดชำระ อัตราดอกเบี้ย แม้กระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้กู้ ก็ไม่มีผลทำให้หลักฐานการฟ้องที่สมบูรณ์และบังคับได้ต้องเสียไป
อย่างไรก็ดี ถ้าผู้กู้เพียงแต่ลงลายมือชื่อไว้ในสัญญากู้เงิน โดยยังไม่ได้กรอกจำนวนเงิน ต่อมาผู้ให้กู้ไปกรอกจำนวนเงินมากกว่าที่กู้กันจริง โดยผู้กู้ไม่ยินยอม สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ และถือว่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือเลย ไม่ว่าจะเป็นจำนวนที่กู้กันจริงหรือจำนวนที่เพิ่มขึ้น เพราะสัญญากู้ก่อนแก้ไขยังไม่ได้กรอกจำนวนเงิน ยังใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ กรณีเช่นนี้ถือว่าไม่เคยมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมที่สมบูรณ์มาก่อน
คำพิพากษาฎีกาที่ 5685/2548 หนังสือสัญญากู้เงินมีการกรอกข้อความว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์จำนวน 400,000 บาท และหนังสือสัญญาค้ำประกันมีการกรอกข้อความว่าจำเลยที่ 2 ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวให้แก่โจทก์ อันเป็นการกรอกข้อความที่มีมูลหนี้กันจริง แม้จะเป็นการกรอกข้อความภายหลังที่จำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันแล้ว ก็ไม่ทำให้หนังสือสัญญากู้เงินและหนังสือสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอม หนังสือสัญญาทั้งสองฉบับจึงมีผลผูกพันโจทก์กับจำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาฎีกาที่ 1883/2551 ป.พ.พ. มาตา 653 วรรคหนึ่ง บังคับให้ต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้ยืม จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่จำเป็นว่าหลักฐานเป็นหนังสือนั้นต้องระบุวันเดือนปีที่ทำสัญญา วันเดือนปีที่ครบกำหนดชำระ และอัตราดอกเบี้ยไว้ในวันทำสัญญากู้เงิน ย. ผู้เขียนสัญญาได้กรอกจำนวนเงินที่กู้ตรงตามจำนวนที่โจทก์จำเลยตกลงกัน และจำเลยลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ โจทก์จึงนำสัญญากู้เงินมาฟ้องร้องบังคับคดีได้ ส่วนการกรอกข้อความอื่น ๆ แม้จะกระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยหรือจะไม่ระบุไว้เลย ก็ไม่มีผลทำให้หลักฐานการฟ้องร้องที่สมบูรณ์อยู่แล้วและบังคับแก่จำเลยได้นั้นเสียไป สัญญากู้เงินจึงไม่ใช่เอกสารปลอม
-------------