ความคุ้มกัน

18 สิงหาคม 2568

#เลคเชอร์กฎหมาย

#รัฐธรรมนูญ #คุ้มกัน 


▶️ ความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภา (Parliamentary Immunity) หมายถึง ความคุ้มกันที่รัฐธรรมนูญให้แก่สมาชิกรัฐสภาที่จะไปประชุมตามหน้าที่โดยไม่อาจถูกจับ คุมขัง หรือดำเนินคดีใด ๆ ในลักษณะที่จะขัดขวางต่อการไปประชุมสภา

โดยมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มกันให้สมาชิกรัฐสภาทุกคนสามารถทำหน้าที่ในสมัยประชุมโดยไม่ถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายบริหาร โดยการจับ คุมขัง หรือดำเนินคดีเพื่อให้ไม่สามารถไปประชุมสภาตามหน้าที่ อีกทั้ง การจับกุม คุมขัง หรือดำเนินคดี อาจไม่ได้เกิดจากการกลั่นแกล้งของฝ่ายบริหารก็ได้ แต่รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มกันเพื่อให้สมาชิกรัฐสภามาประชุมสภาได้เพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ


‼️หากพิจารณาตามความในมาตรา 125 แห่งรัฐธรรมนูญ ความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภาในระหว่างสมัยประชุม แบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ ได้แก่

 

1️⃣ ความคุ้มกันที่จะไม่ถูกจับกุม คุมขัง หรือหมายเรียกไปสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาในคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุม ตามมาตรา 125 วรรคแรกและวรรคสอง

เมื่อบุคคลใดเป็นสมาชิกรัฐสภาย่อมได้รับความคุ้มกันที่จะไม่ถูกจับกุม คุมขัง หรือหมายเรียกไปสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาในคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุม เป็นที่น่าสังเกตว่าความคุ้มกันนี้ คุ้มกันเพียงในฐานะผู้ต้องหาในคดีอาญานั้น หากหมายเรียกไปสอบสวนในฐานะพยานย่อมไม่ได้รับความคุ้มกัน และใช้ในคดีอาญาเท่านั้น หากเป็นการจับกุม คุมขัง หรือหมายเรียกไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ย่อมไม่ได้รับความคุ้มกัน

อนึ่ง กฎหมายคุ้มกันเพียงการจับกุม คุมขัง หรือหมายเรียก หากเป็นการค้นในที่รโหฐานซึ่งอยู่ในความครอบครองของสมาชิกรัฐสภาย่อมไม่ได้รับความคุ้มกัน สามารถกระทำได้ หรือหากเป็นกรณีที่สมาชิกรัฐสภาเข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเองก็ไม่ใช่การจับกุม หรือถูกหมายเรียกตัวไปสอบสวนเช่นเดียวกัน เป็นที่น่าสังเกตว่าความคุ้มกันนี้เกิดขึ้นโดยรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การสละความคุ้มกันจึงไม่ทำให้ความคุ้มกันหมดไป

 

หากว่าได้รับความคุ้มกันแล้ว อาจจะเข้าข้อยกเว้น 2 ประการที่สามารถจับกุม คุมขัง หรือหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหาในคดีอาญาได้ ได้แก่

(1) กรณีที่สภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกอนุญาตให้จับกุม คุมขัง หรือหมายเรียกไปสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาในคดีอาญานั้น สมาชิกรัฐสภาย่อมไม่ได้รับความคุ้มกัน แต่ต้องเป็นการอนุญาตของ “สภา” โดยทำเป็นมติของสภา ไม่ใช่การอนุญาตของประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก

(2) เป็นกรณีที่เป็นการจับในขณะกระทำความผิดซึ่งหน้า เมื่อทำการจับกุม คุมขังแล้วแล้วต้องรายงานไปยังประธานสภานั้น ประธานสภามีอำนาจสั่งให้ปล่อยได้เองโดยไม่ต้องอาศัยมติของสภาแต่อย่างใดและต้องเป็นการสั่งปล่อยเพื่อให้มาประชุมสภา ไม่รวมถึงการมาประชุมคณะกรรมาธิการ แม้จะปรากฏว่าสมาชิกผู้นั้นจะหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่นก็ตามก็ได้รับความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ

 

2️⃣ ความคุ้มกันที่จะได้รับการปล่อยจากที่คุมขังในระหว่างสมัยประชุมตามมาตรา 125 วรรคสาม

เมื่อบุคคลใดเป็นสมาชิกรัฐสภาและถูกคุมขังอยู่ในระหว่างสอบสวนคดีอาญาหรืออยู่ในระหว่างพิจารณาอยู่ก่อนสมัยประชุมแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยประชุม พนักงานสอบสวนหรือศาลไม่ต้องสั่งปล่อยก็ได้ แต่ถ้าประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกร้องขอ พนักงานสอบสวนหรือศาลต้องสั่งปล่อยทันที โดยศาลจะสั่งให้มีประกัน หรือมีประกันและหลักประกันด้วยก็ได้

อนึ่ง ผู้มีอำนาจร้องขอให้สั่งปล่อยก็ คือ ประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกเท่านั้น บุคคลอื่นไม่มีอำนาจร้องขอให้สั่งปล่อยรวมทั้งสมาชิกผู้นั้นเองด้วย และประธานสภามีอำนาจร้องขอให้ปล่อยโดยไม่ต้องอาศัยมติของสภาเลย เมื่อร้องขอให้สั่งปล่อยแล้วศาลหรือพนักงานสอบสวนก็ต้องสั่งปล่อยทันที แม้สมาชิกรัฐสภาผู้นั้นอาจจะหลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่นใดก็ตาม

เมื่อศาลหรือพนักงานสอบสวนสั่งปล่อยแล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลตั้งแต่วันที่ปล่อยไปจนถึงวันที่สิ้นสุดสมัยประชุมและมีอยู่ตลอดทุกวันในสมัยประชุม ไม่ได้มีอยู่เฉพาะในวันประชุมเท่านั้น ดังนั้น แม้ไม่ใช่วันประชุมแต่อยู่ในสมัยประชุมก็ยังคงได้รับความคุ้มกันดังกล่าว แต่เมื่อพ้นสมัยประชุมย่อมติดตามจับตัวสมาชิกรัฐสภามาคุมขังต่อไปได้

 

3️⃣ ความคุ้มกันเกี่ยวกับการพิจารณาคดีของศาลในระหว่างสมัยประชุมตามมาตรา 125 วรรคสี่

​ความคุ้มกันประเภทนี้เป็นกรณีที่มีการพิจารณาคดีอาญาอยู่ในศาล ไม่ว่าคดีนั้นจะได้ฟ้องนอกสมัยประชุมหรือในสมัยประชุมก็ตาม เมื่อต่อมาถึงสมัยประชุมสภา ศาลก็สามารถพิจารณาคดีต่อไปได้แต่ต้องไม่เป็นการขัดขวางแก่การที่สมาชิกผู้นั้นจะมาประชุมสภา

ความคุ้มกันนี้สมาชิกรัฐสภาย่อมได้รับความคุ้มกันเฉพาะคดีอาญาเท่านั้น ไม่รวมถึงคดีแพ่ง คดีเลือกตั้ง หรือคดีขึ้นศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม และไม่ว่าจะได้ฟ้องคดีก่อนหรือหลังเป็นสมาชิกรัฐสภาก็ตามก็ได้รับความคุ้มกัน


▶️ หลักความคุ้มกันของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนั้น มี 2 ลักษณะ ได้แก่


1️⃣ ห้ามจับกุม คุมขัง หรือหมายเรียกกรรมการการเลือกตั้งไปสอบสวนในคดีอาญา ในระหว่างที่มีการเลือกตั้ง ส.ส. หรือการเลือก ส.ว. หรือการออกเสียงลงประชามติ

​สำหรับความคุ้มกันในกรณีนี้มีอยู่เฉพาะในชั้นจับกุม คุมขัง ของพนักงานสอบสวนเท่านั้น หากเป็นคดีในชั้นศาลแล้วย่อมไม่ได้รับความคุ้มกัน ดังนั้น เมื่อคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแล้ว ศาลมีอำนาจออกหมายจับหรือคุมขังได้ และความคุ้มกันนี้มีผลห้ามจับกุม คุมขัง หรือหมายเรียกตัวไปสอบสวนทั้งใน “ฐานะผู้ต้องหา” และ ใน “ฐานะพยาน”

​ความคุ้มกันในกรณีนี้คุ้มครองเฉพาะ “กรรมการการเลือกตั้ง” เท่านั้น ไม่ได้คุ้มครองบุคคลอื่นซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดไม่ได้รับความคุ้มกัน เป็นต้น และความคุ้มกันมีอยู่เฉพาะในระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. หรือการเลือก ส.ว. หรือ ประกาศให้มีการออกเสียงลงประชามติ ไม่รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง

​ข้อยกเว้นคือ (1) ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ไม่ใช่อำนาจของประธาน) หรือ (2) ถูกจับในขณะกระทำความผิดซึ่งหน้า

 

2️⃣ ความคุ้มกันที่จะได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจับหรือคุมขัง

เมื่อกรรมการถูกจับในขณะกระทำความผิด หรือจับ หรือคุมขังในกรณีอื่น ผู้จับต้องรายงานประธานกรรมการการเลือกตั้งโดยด่วนและประธานกรรมการสั่งปล่อยได้ แต่ถ้าผู้ถูกจับเป็นตัวประธานกรรมการเองผู้จับก็ต้องรายงานคณะกรรมการที่เหลืออยู่ และคณะกรรมการที่เหลืออยู่สั่งปล่อยได้ และความคุ้มกันนี้ใช้ทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่ง


#อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ แบ่งปันความรู้ให้เพื่อน ๆ ด้วยนะคะ

------------

รายการที่ 1 - 1 จาก 1