- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- เลคเชอร์กฎหมาย
- กฎหมายมรดกและพระภิกษุ
กฎหมายมรดกและพระภิกษุ
#เลคเชอร์กฎหมาย
#กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ #มรดก #พระภิกษุ
🧡กฎหมายมรดกและพระภิกษุมีข้อพิจารณา ดังต่อไปนี้
▶️1.หากพระภิกษุเป็นทายาท
กรณีทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกนั้นได้ครองสมณเพศในขณะที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ทายาทนั้นมีสิทธิที่จะได้รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมหรือเป็นทายาทผู้รับพินัยกรรรมได้ แต่มาตรา 1622 กำหนดว่าพระภิกษุจะมาเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมไม่ได้ เว้นแต่จะได้สึกออกมาจากสมณเพศและเรียกร้องภายในอายุความมรดกตามมาตรา 1754 ที่กฎหมายกำหนดห้ามเช่นนี้เนื่องจากว่าเป็นการไม่สมควรที่จะให้พระภิกษุมาเรียกร้องเอาทรัพย์สินซึ่งถือว่าเป็นเรื่องในทางโลก
คำว่า “เรียกร้อง” หมายถึง การฟ้องคดีมรดกเท่านั้นและหมายความรวมถึงการฟ้องแย้งด้วย กล่าวคือ ทายาทอื่นนั้นไม่ยอมที่จะแบ่งมรดกให้ จึงต้องฟ้องทายาทนั้นเพื่อเอามรดกในส่วนของตนนั่นเอง หากเป็นการใช้สิทธิอย่างอื่นเช่น การเรียกเอาทรัพย์สินจากบุคคลภายนอกที่ยึดถือเอาไว้โดยมิชอบตามมาตรา 1336 หรือการตกลงกับทายาทอื่นเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกตามมาตรา 1750 สามารถทำได้โดยไม่ต้องสึกออกมาจากสมณเพศก่อน
ทั้งนี้หากเป็นทายาทผู้รับพินัยกรรมมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกเอาทรัพย์ตามพินัยกรรมได้โดยไม่ต้องลาสิกขาบทก่อนแต่อย่างใด ที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นนี้ก็เนื่องจากว่าต้องการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือความประสงค์อันแท้จริงของเจ้ามรดก
▶️2.หากพระภิกษุเป็นเจ้ามรดก
กรณีพระภิกษุได้มรณภาพในขณะที่ถือครองสมณเพศอยู่นั้น มาตรา 1623 กำหนดว่าบรรดาทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างเวลาที่อุปสมบทนั้น ย่อมตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นแต่จะเป็นทรัพย์สินที่ได้จำหน่ายไปแล้วในระหว่างมีชีวิตหรือได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ แต่หากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาก่อนอุปสมบทมาตรา 1624 กำหนดว่า ทรัพย์สินใดเป็นของบุคคลก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ทรัพย์สินนั้นไม่ตกเป็นสมบัติของวัด หากไม่ได้จำหน่ายไปในระหว่างมีชีวิตให้เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของบุคคลนั้นไม่ว่าจะเป็นทายาทโดยธรรมหรือทายาทผู้รับพินัยกรรม