ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา "พยานอาญา" (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2568)

30 ตุลาคม 2568

#พยาน #พยานอาญา

#สอบเนติ #สอบอัยการผู้ช่วย

#สอบผู้ช่วยผู้พิพากษา


▪️ การนำพยานเข้าสืบในคดีอาญาแม้ ป.วิ.อ. มาตรา 174 บัญญัติไว้โดยเฉพาะให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนเสมอ แต่ ป.วิ.อ. ก็ไม่มีบัญญัติว่าหน้าที่นำสืบหรือภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายใด และ ป.วิ.อ. มาตรา 15 บัญญัติว่าวิธีพิจารณาข้อใดซึ่งประมวลกฎหมายนี้มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้


▪️ ซึ่ง ป.วิ.พ. มาตรา 84/1 บัญญัติให้คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตนให้คู่ความฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิด ถ้าจำเลยให้การปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่โจทก์ แต่คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพอันเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้อง หากจำเลยจะอ้างเหตุลดหย่อนโทษว่ากระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ ภาระการพิสูจน์ในประเด็นดังกล่าวย่อมตกแก่จำเลยที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าผู้เสียหายข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอย่างไร


▪️ ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยซึ่งให้การรับสารภาพตามฟ้องไม่ได้นำพยานเข้าสืบหรือถามค้านพยานโจทก์ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไว้ จำเลยย่อมไม่อาจยกข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นมาเพื่อขอให้ศาลฎีกาพิจารณาเพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง และมาตรา 252 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 


▪️ และฎีกาของจำเลยทำนองว่า ก่อนและหลังกระทำความผิดจำเลยมีอาการทางจิต จำเลยก็มิได้นำสืบว่าจำเลยป่วยเป็นโรคจิตเภทและกระทำความผิดในขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้างหรือไม่อย่างไร ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ถือว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองต้องห้ามมิให้ฎีกาเช่นกัน (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2568)

รายการที่ 1 - 1 จาก 1