- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- เลคเชอร์กฎหมาย
- "การถามติง" ตาม ป.วิ.พ. คืออะไร ? มีหลักเกณฑ์ในทางกฎหมายอย่างไร ?
"การถามติง" ตาม ป.วิ.พ. คืออะไร ? มีหลักเกณฑ์ในทางกฎหมายอย่างไร ?
คำถาม : "การถามติง" ตาม ป.วิ.พ. คืออะไร ? มีหลักเกณฑ์ในทางกฎหมายอย่างไร ?
คำตอบ : จากบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 117 วรรคสาม ซึ่งได้บัญญัติว่า "เมื่อได้ถามค้านพยานเสร็จแล้ว คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานชอบที่จะถามติงได้" การถามติง จะเป็นกระบวนการหลังจากมีการถามค้านพยานแล้ว โดยการถามติงเป็นการถามเพื่อให้พยานของตนมีโอกาสอธิบายข้อความที่ตนได้ตอบคำถามค้านไปซึ่งอาจจะยังคงมีข้อสงสัยหรือความไม่ชัดเจนอยู่ ทั้งนี้ การถามติง ไม่ได้เป็นบทบังคับ ถ้าพยานฝ่ายตนไม่ได้ตอบคำถามค้านขัดแย้งไปกับที่เคยเบิกความในตอนแรก ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถามติง
อย่างไรก็ตามการถามติงนั้นจะต้องถามในขอบเขตเรื่องที่มีการถามค้านเท่านั้น จะถามเรื่องใหม่มิได้ ยกเว้นว่าได้ขออนุญาตศาลถามตามมาตรา 117 วรรคสี่ ที่บัญญัติว่า "เมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้ว ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายใดซักถามพยานอีกเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ถ้าคู่ความฝ่ายใดได้รับอนุญาตให้ถามพยานได้ดังกล่าวนี้ คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งย่อมถามค้านพยานได้อีกในข้อที่เกี่ยวกับคำถามนั้น" โดยการอนุญาตของศาลนี้อาจเป็นการอนุญาตโดยปริยายก็ได้ เช่นการที่ศาลไม่ได้ทักท้วงและยอมให้ถามได้ก็เป็นการอนุญาตอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาฎีกาที่ 975/2529 เมื่อพยานโจทก์คนสุดท้ายคอบคำถามติงแล้ว โจทก์ส่งเอกสารเป็นพยานต่อศาล แล้วให้พยานนั้นดูเอกสารดังกล่าวและพยานโจทก์แถลงประกอบเอกสาร ถือได้ว่าเป็นการซักถามพยานเมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้ว แต่การที่ศาลชั้นต้นยอมให้โจทก์กระทำเช่นนั้นก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากศาลแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 117 วรรคสี่ จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้