- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- ชุดภาพหลักกฎหมาย
- สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง การตรวจคำคู่ความ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18
สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง การตรวจคำคู่ความ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18
สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง การตรวจคำคู่ความ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18
1️⃣ ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคหนึ่ง: อำนาจศาลในการตรวจคำคู่ความ⚖️
📍 คำคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (5) หมายถึง บรรดาคำฟ้อง คำให้การ หรือคำร้องทั้งหลายที่ยื่นต่อศาลเพื่อตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ
📍 คำฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (3) รวมถึงอุทธรณ์/ฎีกาด้วย
📍 คำฟ้อง ศาลสามารถยกฟ้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคท้ายได้ทันทีโดยไม่ต้องสั่งรับคำฟ้องไว้ก่อน
2️⃣ ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสอง: คำคู่ความบกพร่อง 7 เรื่อง📝
2.1 อ่านไม่ออก
2.2 อ่านไม่เข้าใจ
2.3 เขียนฟุ่มเฟือยเกินไป
2.4 ไม่มีรายการ
2.5 ไม่มีลายมือชื่อ
2.6 ไม่แนบเอกสารต่างๆตามที่กฎหมายต้องการ
2.7 ไม่ได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วน
3️⃣ ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสาม: คำคู่ความบกพร่อง 2 เรื่อง📝
3.1 บกพร่องเรื่องเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
3.2 บกพร่องเรื่องเขตอำนาจศาล
4️⃣ ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสี่: ไม่มีข้อบกพร่องให้รับคำคู่ความ👌✅
5️⃣ ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคห้า: การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความ📤
5.1 ศาลชั้นต้นสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมคำคู่ความ: เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (2)
5.2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับหรือให้คืนคำคู่ความ: ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 227
📌 ทราบคำสั่ง อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229
📌 ยังไม่ทราบคำสั่ง อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง (ฎ.1176/2564)
5.3 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำคู่ความ: เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226
5.4 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์: ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 227
5.5 ศาลชั้นต้นมีอำนาจเพียงสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมฎีกา หากคู่ความไม่ปฏิบัติตามต้องส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (ข้อกำหนดประธานศาลฎีกาว่าด้วยการขออนุญาตฎีกาในคดีแพ่ง พ.ศ. 2558 ข้อ 8)
ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งรับหรือไม่รับฎีกาเพราะฎีกาเป็นระบบอนุญาตตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 วรรคหนึ่ง