สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง ความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อ. มาตรา 326

27 พฤษภาคม 2568

สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง ความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อ. มาตรา 326


▶️ พิจารณา

1️⃣ ใส่ความ 

 ⚠️ การใส่ความ ต้องเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง โดยพูดหาเหตุร้าย กล่าวหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย (ฎ.3252/2543) 


⚠️การยืนยันข้อเท็จจริง อาจจะเป็นความจริงหรือความเท็จก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นการใช้คำพูด แต่อาจเป็นการใส่ความโดยข้อความในกระดาษ หรือโดยใช้รูปภาพ ก็เป็นการใส่ความได้ 


‼️ข้อสังเกต การกล่าวข้อความตามที่ได้รับบอกกล่าวมา หรือ การตอบคำถาม ก็เป็นการใส่ความได้ เช่น นางใยอาของโจทก์เล่าให้จำเลยฟังว่าโจทก์ (เป็นนางสาว) กับนายอนันต์ซึ่งเป็นญาติของโจทก์ รักใคร่กันทางชู้สาวนอนกอดจูบกันและได้เสียกัน ต่อมานางสงวนมาถามจำเลยว่านางใยมาเล่าอะไรให้จำเลยฟังจำเลยก็เล่าข้อความตามที่นางใยเล่าแก่จำเลยให้นางสงวนฟังนางสงวนได้เอาข้อความนั้นไปเล่าให้โจทก์ฟังอีกชั้นหนึ่งเช่นนี้ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าว เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อจำเลยกล่าวออกไปแม้จะโดยถูกถามก็ดี จำเลยควรต้องสำนึกในการกระทำและเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยจงใจกล่าวข้อความยืนยันข้อเท็จจริงโดยเจตนาใส่ความโจทก์ (ฎ.380/2503)


⚠️ ข้อเท็จจริงที่เป็นหมิ่นประมาท

 ✅ต้องไม่ใช่เป็นเพียงคำหยาบ คำไม่สุภาพ หรือเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้

 ✅ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่แน่นอน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่คลุมเครือ เลื่อนลอย หรือกล่าวในลักษณะน้อยใจ 

 ✅ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันเรื่องราวในอดีต หรือปัจจุบัน มิใช่เป็นเพียงการคาดคะเนหรือกล่าวถึง

เหตุการณ์ในอนาคต 

 ✅การใส่ความนั้น ต้องเป็นการระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความว่าเป็นใคร หรือเป็นที่เข้าใจได้แน่นอนว่าหมายถึงบุคคลใด 


2️⃣ ข้อเท็จจริงที่เป็นหมิ่นประมาท พอสรุปได้ ดังนี้

 📍 ต้องไม่ใช่เป็นเพียงคำหยาบ คำไม่สุภาพ คำขู่หรือเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้

 📍 ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่แน่นอน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่คลุมเครือ เลื่อนลอย หรือกล่าวในลักษณะน้อยใจ 

 📍ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันเรื่องราวในอดีต หรือปัจจุบัน มิใช่เป็นเพียงการคาดคะเนหรือกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต 

 📍การใส่ความนั้น ต้องเป็นการระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความว่าเป็นใคร หรือเป็นที่เข้าใจได้แน่นอนว่าหมายถึงบุคคลใด 

 

3️⃣ใส่ความ “ต่อบุคคลที่สาม” 

  ✅ ความผิดฐานหมิ่นประมาทต้องเป็นการเจตนาใส่ความต่อบุคคลที่สาม การที่จำเลยกล่าวถ้อยคำหรือเขียนจดหมายถึงผู้เสียหายโดยตรงไม่เป็นการใส่ความต่อบุคคลที่สาม กรณีเช่นนี้แม้บุคคลที่สามจะทราบข้อความนั้นเอง ก็ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาใส่ความต่อบุคคลที่สาม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท 

 ✅ ลำพังเพียงการกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทต่อผู้เสียหายโดยตรง ไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท แต่หากมีบุคคลอื่นอยู่ร่วมในเหตุการณ์และได้ยินข้อความเหล่านั้นด้วย ทั้งผู้กล่าวข้อความก็ทราบว่ามีบุคคลอื่นอยู่ร่วมด้วย ก็เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ (ฎ.97/2541)


4️⃣ “โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง” องค์ประกอบข้อนี้เป็นพฤติการณ์ประกอบการกระทำ วินิจฉัยตามความรู้สึกอย่างวิญญูชนทั่วไป มิใช่พิจารณาถึงความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นประมาทแต่ฝ่ายเดียว 

 📍กรณีที่อยู่ในประการน่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงฯ

  📍กรณีที่ยังไม่อยู่ในประการน่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงฯ

รายการที่ 1 - 9 จาก 9