- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- ชุดภาพหลักกฎหมาย
- สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง ผู้มีอำนาจจัดการแทน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 4 มาตรา 5
สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง ผู้มีอำนาจจัดการแทน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 4 มาตรา 5
สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง ผู้มีอำนาจจัดการแทน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 4 มาตรา 5
มาตรา 4
หญิงมีสามี หญิงนั้นมีสิทธิฟ้องคดีได้เอง และสามีมีสิทธิฟ้องคดีอาญาแทนภริยาได้ ต่อเมื่อได้รับอนุญาตโดยชัดแจ้งจากภริยา
- ไม่จำกัดประเภทความผิด
- ต้องเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย และมูลคดีอาญาต้องเกิดในขณะเป็นสามีภริยากัน
- การอนุญาตโดยชัดแจ้ง ไม่ต้องถึงขนาดทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ อาจทำด้วยวาจาแล้วบันทึกไว้ก็ได้
- หญิงมีสามีไม่ได้รับสิทธิในทางกลับกัน จะดำเนินคดีอาญาแทนสามีได้ ต้องเข้ากรณีตามมาตรา 5 (2) หรือได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดี
- คำว่า “ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 5 (2)” ตามมาตรา 4 วรรคสอง หมายความว่า หากภริยาถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้ ให้บังคับตามมาตรา 5 (2)
มาตรา 5
มาตรา 5 (1)
มาตรา 5 (1) “ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาล เป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เยาว์และผู้ไร้ความสามารถ แต่เฉพาะในความผิดที่ได้กระทำต่อผู้เยาว์หรือผู้ไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความดูแล”
1. “ผู้แทนโดยชอบธรรม” พิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
1.1) กรณีผู้เยาว์มีบิดามารดา = บิดามารดา (+ชอบด้วยกฎหมาย)
1.2) กรณีผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือมี แต่ถูกถอนอำนาจปกครอง = ผู้ปกครอง
1.3) กรณีผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม = ผู้รับบุตรบุญธรรม (บิดามารดาเดิมหมดอำนาจปกครอง)
2. การที่จะเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย หมายถึง ต้องมีการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม ตราบใดยังไม่จดทะเบียน ก็ไม่ใช่ผู้รับบุตรบุญธรรม จึงไม่มีอำนาจจัดการแทน
3. บิดาที่จะเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนตามมาตรา 5 (1) ต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย
4. “ผู้ไร้ความสามารถ” มีความหมายกว้างกว่า “คนไร้ความสามารถ”
5. ผู้อนุบาล
เมื่อคำว่าผู้ไร้ความสามารถตีความอย่างกว้าง คำว่าผู้อนุบาลก็จำเป็นที่จะต้องตีความอย่างกว้างตามไปด้วยเพื่อให้สอดรับกัน ดังนี้ ผู้อนุบาล จึงอาจหมายถึง บุคคลที่ศาลตั้งหรือบุคคลที่อนุบาลคนวิกลจริตอยู่ในความเป็นจริงด้วย
6. ผู้เยาว์แม้จะมีอำนาจร้องทุกข์ได้ด้วยตนเอง แต่ทั้งผู้เยาว์และผู้ไร้ความสามารถจะฟ้องคดีอาญาหรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการโดยลำพังตนเองไม่ได้ แม้ผู้เยาว์ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ไร้ความสามารถจะได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลแล้วก็ตาม (ฎ.563/2517) และหากผู้เยาว์หรือผู้ไร้ความสามารถฝ่าฝืน ศาลก็ต้องสั่งให้แก้ไขเรื่องความสามารถ
มาตรา 5 (2)
มาตรา 5 (2) “ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยา เฉพาะแต่ในความผิดอาญาซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจัดการเองได้”
1. คำว่าผู้บุพการีและผู้สืบสันดานนั้น ถือตามสายเลือด แม้จะไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม (ซึ่งต่างจากผู้แทนโดยชอบธรรมในมาตรา 5 (1) ที่ต้องชอบด้วยกฎหมาย)
2. พี่ชาย หรือ พี่เขยไม่ใช่บุคคลผู้มีอำนาจจัดการแทนตามมาตรา 5 (2)
3. “ถึงแก่ความตาย หรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจัดการเองได้” ที่จะอยู่ในบังคับมาตรา 5 (2) ความตายหรือความเจ็บนั้นต้องเป็นผลโดยตรงมาจากการกระทำความผิดนั้น ๆ ที่ต้องการดำเนินคดีด้วย(ฎ.8357/2550)
4. กรณีบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้ ให้พิจารณาตามความเป็นจริงว่าสามารถที่จะจัดการเองได้หรือไม่ ฉะนั้น แม้ว่าจะบาดเจ็บ แต่หากยังอยู่ในวิสัยที่จะสามารถจัดการเองได้ ก็ต้องดำเนินการเอง (ฎ.26/2553)
5. การตายตามมาตรา 5 (2) หมายถึงตายตามความเป็นจริง ไม่รวมกรณีถือว่าตายโดยผลของกฎหมาย (ฎ.10915/2558)
6. ตามมาตรา 5 (2) นี้ บุคคลผู้มีอำนาจจัดการแทน มีอำนาจจัดการเฉพาะในความผิดที่ทำให้ตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้เท่านั้น หากเป็นความผิดฐานอื่นย่อมไม่อาจจัดการแทนได้ (ฎ.6079/2555)
7. การที่ผู้เสียหายที่แท้จริงได้รับบาดเจ็บจนไม่รู้สึกตัวและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และในขณะที่ผู้เสียหายที่แท้จริงไม่รู้สึกตัว มีการให้พิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือในใบแต่งทนายความ แม้จะมีพยานลงลายมือชื่อรับรอง 2 คน ก็ถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายที่แท้จริงพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือด้วยตนเอง เพราะเป็นการกระทำในขณะที่ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว ใบแต่งทนายความนั้นไม่มีผลเป็นการแต่งทนายความ จึงไม่อาจมีการฟ้องคดี หรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ (ฎ.1339/2557)
มาตรา 5 (3)
มาตรา 5 (3) “ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคล เฉพาะความผิดซึ่งกระทำลงแก่นิติบุคคลนั้น”
**กรณีที่นิติบุคคล ได้กำหนดเงื่อนไขอำนาจของผู้มีอำนาจกระทำการแทนในอันที่จะผูกพันนิติบุคคลนั้นไว้อย่างไร ก็ต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวนั้นด้วย