- หน้าหลัก
- สาระน่ารู้
- ชุดภาพหลักกฎหมาย
- สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง แก้ไขคำพิพากษา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143
สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง แก้ไขคำพิพากษา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143
สรุปหลักกฎหมาย เรื่อง แก้ไขคำพิพากษา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 143
หลักเกณฑ์
1. กรณีตามมาตรา 143 นี้ ต้องเป็นกรณีมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ
กลับกัน กรณีที่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย เช่น กรณีเพิ่มความรับผิดให้จำเลย หรือทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถแก้ไขได้
2. แม้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องไว้ภายในเวลา
3. การแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ นี้ สามารถกระทำได้แม้คดีจะถึงที่สุดไปแล้ว
4. ในชั้นบังคับคดี ถ้าปรากฏว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวมีข้อผิดพลาด คู่ความก็สามารถร้องขอแก้ไขได้ (ฎ.1901/2530)
5. การแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ เป็นอำนาจของศาลใด เป็นไปตามมาตรา 143 วรรคหนึ่ง ตอนท้าย กล่าวคือ ถ้าเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจแก้ไข แต่ถ้าได้มีการอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น อำนาจที่จะแก้ไขย่อมอยู่แก่ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้วแต่กรณี และศาลมีอำนาจสั่งให้แก้ไขได้เอง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดขอแก้หรือยกขึ้นอ้าง (ฎ.3773/2547)
6. วิธีการขอให้แก้ไข กรณีคู่ความขอนั้น อาจจะกล่าวไว้ในคำฟ้องอุทธรณ์/คำฟ้องฎีกา (ฎ.5226/2561) หรืออาจทำเป็นคำร้องส่วนหนึ่งต่างหาก
7. การแก้ไขคำพิพากษาในคดีอาญาซึ่งบัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 190 ให้แก้ไขในเรื่องถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดเท่านั้น หากเป็นเรื่องข้อผิดหลงเล็กน้อย ศาลก็ยังสามารถแก้ไขโดยใช้ ป.วิ.พ. มาตรา 143 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 (ฎ.7618/2560)
8. สัญญาประนีประนอมฯ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาตามยอม การแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงสามารถแก้ไขได้ (ฎ 1482/2551)
9. มาตรา 143 นี้นำไปใช้บังคับกับการขอแก้ไขคำสั่งชี้ขาดคำร้องขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 324
#อย่าลืมกดไลก์ กดแชร์ แบ่งปันความรู้ให้เพื่อน ๆ ด้วยนะคะ